Wednesday, 22 March 2023

ลอยกระทง ไม่หลงทาง อ.เจษฎา เตือนเลี่ยงกระทงขนมปัง ส่งผลเสียกว่าที่คิด

“อ.เจษฎา” เตือนเลี่ยง “กระทงขนมปัง กระทงกรวยไอศครีม” หลังคนคิดผิดมีความคิดว่าดีต่อสภาพแวดล้อม แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นปัญหา ทำให้น้ำเน่าเสีย พร้อมแนะแนวทาง “ลอยกระทง” ลดภาระสภาพแวดล้อม

วันที่ 7 พฤศจิหายน 2565 ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์เนื้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ โดยระบุว่า “เลี่ยงกระทงขนมปัง ทำลายสภาพแวดล้อม”

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายนนี้ จะเป็นวันลอยกระทง 2565 ซึ่งคาดว่าปีนี้ ภายหลังที่บรรเทาเรื่องมาตรการโควิด-19 แล้ว น่าจะมีคนออกไปร่วมเทศกาลปีนี้มากเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้งจำนวนของ “ขยะกระทง” ที่ไปลอยกัน ก็น่าจะมากเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก (จากที่เคยเยอะมากอยู่แล้วในแต่ละปี)

ลอยกระทง

ก็เลยขอเตือนล่วงหน้าอีกครั้ง ว่าจริง ๆ แล้ว หากให้ดีที่สุด

ก็ลอยกระทงออนไลน์ตามเว็บต่าง ๆ ไปเลย แต่หากยังจำเป็น ยังนิยม ไปลอยกระทงกัน ก็ขอให้เลือกกระทงที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสภาพแวดล้อมมากนัก ตัวอย่างเช่น กระทงน้ำแข็ง หรือกระทงเทียน (เก็บขึ้นมาหล่อใช้ใหม่ได้)

รวมทั้งที่ต้องเน้นย้ำกันทุกปี คือ ขอให้เลี่ยงกระทงที่ย่อยสลายเร็วรวมทั้งให้สารอินทรีย์สูง อาทิเช่น กระทงขนมปัง กระทงกรวยไอศครีม อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นกระทงที่คนคิดผิดกันเยอะว่าดีต่อสภาพแวดล้อม แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นปัญหามากกว่า หากรอบ ๆ ที่ลอยนั้น ไม่ได้มีปลามากเพียงพอที่จะกินขนมปังจนหมด รวมทั้งส่งผลทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่าย หากอยู่ในแหล่งน้ำที่ค่อนข้างปิด

ขอยกความคิดเห็นของ ดร.อาภา หวังเกียรติ ผู้ช่วยคณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่เคยเตือนว่า กระทงขนมปังถึงจะสลายตัวได้ แต่ก็เป็นสาเหตุทำให้มีการเกิดน้ำเน่าได้

มูลเหตุเนื่องจากว่าขนมปังเป็นชนิดสิ่งที่เป็นสารอินทรีย์ ซึ่งสารอินทรีย์ก็คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โดยธรรมชาติถ้าหากสารอินทรีย์พวกนี้ลงไปอยู่ในแม่น้ำ มันก็จะมีจุลินทรีย์พวกแบคทีเรียมากินเป็นอาหาร หากใช้กระทงขนมปังลอยน้ำในปริมาณมาก จุลินทรีย์ในน้ำกลุ่มนี้จะดึงออกซิเจนในน้ำมาใช้เพื่อกระบวนการทำงานของพวกมัน เมื่อใช้ออกซิเจนในน้ำมากไป จะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดน้ำเน่าเสียได้

ลอยกระทงไม่หลงทาง

ขอยก “7 แนวทาง สำหรับเพื่อการลอยกระทงเพื่อลดภาระสภาพแวดล้อม” ของสถาบันสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย มาเผยแพร่ดังนี้

1. ไปด้วยกันใช้กระทงเดียวกัน อาทิเช่น ครอบครัวละหนึ่ง คู่รักละหนึ่ง กลุ่มละหนึ่ง เพื่อ “กระทงจะได้ไม่หลงทาง” เป็นการลดปริมาณกระทงที่จะก่อให้เกิดผลเสียต่อแหล่งน้ำ รวมทั้งเป็นภาระจัดเก็บหลังที่เสร็จงาน รวมทั้งช่วยประหยัดสำหรับคนที่จะซื้อกระทงอีกทางหนึ่งด้วย

2. เลือกใช้วัสดุธรรมชาติ โดยใช้หยวกกล้วย กาบกล้วย ใบตอง นำเป็นประดิษฐ์กระทง ประดับด้วยกลีบดอกบัวหรือดอกไม้ กระทง กลัดด้วยไม้แทนเข็มหมุด ในรูปแบบนี้จะไม่ย่อยสลาย หรือจมลงเร็วเกินไป สามารถจัดเก็บรวมทั้งนำไปกำจัดได้ง่ายภายหลังจากเสร็จงาน หรือหากแม้มีบางส่วนที่เล็ดลอดออกสู่สิ่งแวดล้อมก็สามารถย่อยสลายได้

3. เลี่ยงการใช้วัสดุกระดาษ ซึ่งอาจจมน้ำหรือเปียกน้ำ แล้วจะยุ่งยากในการจัดเก็บ พอ ๆ กับเป็นการสูญเสียทรัพยากรไป รวมทั้งควรนำไปรีไซเคิล ที่เกิดประโยชน์มากกว่า

4. เลี่ยงการใช้วัสดุพวกแป้งพวกขนมปัง ที่ตั้งใจจะให้เป็นอาหารของปลารวมทั้งสัตว์น้ำ แต่วัสดุพวกนี้ซับน้ำได้เร็ว ยุ่ยง่าย จมเร็ว รวมทั้งเป็นสารอินทรีย์ย่อยสลายได้เร็ว ถ้าหากมีจำนวนมาก สัตว์น้ำไม่อาจจะกินได้หมด จะมีผลให้แหล่งน้ำเน่ามากขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความสกปรกให้แหล่งน้ำ โดยเฉพาะอย่างในสระน้ำ บ่อน้ำ หรือหนองน้ำที่น้ำไม่ไหลเวียน หรือแหล่งน้ำนิ่ง

5. ควรเลือกวัสดุประเภทเดียวกัน เพื่อความสะดวกสำหรับเพื่อการแยกกระทงไปจัดการต่อของหน่วยงานที่รับผิดชอบ เมื่อได้ทำการจัดเก็บหลังที่เสร็จงานแล้ว อาทิเช่น ทำจากใบตองหรือวัสดุธรรมชาติเป็นอินทรีย์ทั้งกระทง

6. งดการวัสดุพลาสติกรวมทั้งโฟม ซึ่งเป็นวัสดุที่สลายตัวยาก พลาสติกบางชิ้นรวมทั้งโฟมไม่เหมาะสำหรับเพื่อการนำไปรีไซเคิล ถ้าหากเล็ดลอดสู่แม่น้ำรวมทั้งทะเล และก็จะใช้เวลาหลายร้อยปีในการสลายตัว เมื่อปีที่ผ่านมายังเจอการใช้กระทงโฟมอยู่บ้าง ปีนี้จึงขอความรวมมืองดการใช้อย่างเป็นจริงเป็นจัง

7. งดเว้นใช้ลวดแม็กซ์หมุดตะปู สำหรับเพื่อการยึดวัสดุทำกระทง เหตุเพราะสิ่งเหล่านี้อาจหลุดรวมทั้งตกลงสู่แหล่งน้ำ ก่อให้เกิดอันตรายได้รวมทั้งถ้าหากจัดเก็บกระทงมาได้ก็ยากสำหรับเพื่อการคัดเพื่อนำไปจัดแจงอย่างถูกวิธี จำเป็นต้องใช้ไม้กลัดจากวัสดุธรรมชาติแทน